เพจ facebook : รังสิตซิตี้ที่นี่ปทุมธานี

เปิดเกมขอคืนพื้นที่ตำรวจเคลื่อนพล 7 กองร้อยล้อมวัดพระ ธรรมกายตังแต่เช้ามืดใช้มาตรการทางกฎหมาย เปิดเกมขอคืนพื้นที่ตำรวจเคลื่อนพล 7 กองร้อยล้อมวัดพระ ธรรมกายตังแต่เช้ามืดใช้มาตรการทางกฎหมาย กดดันให้พระธัมมชโยมอบตัว ขณะที่พระลูกวัดและศิษยานุศิษย์แห่สวดมนต์ปิดประตูก่อนเกิดการเผชิญหน้าหวิดปะทะ หลังตำรวจลุยตัดสแลนและรั้วเหล็กบริเวณประตู 5 ข้างวัดที่สร้างกีดขวางถนน อ้างผิด พ.ร.บ.จราจร สุดท้ายจบด้วยดี เพราะตำรวจรับปากไม่ลุยค้นวัด ด้านศรีวราห์เผยวันนี้แค่ขอคืนพื้นที่ทางสาธารณะ ตามคำร้องทุกข์ของกรมธนารักษ์ปทุมธานี ส่วน บิ๊กตู่ยัน ไม่เร่งรัดลุยธัมมชโย ขอเว้นวรรคสร้างความสุขปีใหม่
ความพยายามของดีเอสไอและตำรวจในการใช้มาตรการต่างๆกดดันให้พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และคดีบุกรุกป่าอีกหลายแห่ง ไม่ว่า จะเป็นเรื่องให้ที่พักพิงผู้ต้องหา การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การปลูกสิ่งก่อสร้างรุกล้ำที่สาธารณะ ล่าสุด พระวิเทศภาวนาจารย์ (สมบุญ สัมมาปุญโญ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาให้ที่พักพิงและอื่นๆรวม 19 คดี ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนปล่อยตัวชั่วคราวตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าของเจ้าหน้าที่รัฐในการกดดันพระธัมมชโยให้ออกมามอบตัวเริ่มหนักขึ้น เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่หน้าที่ว่าการอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.รอง ผบช.ภ.1 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 7 กองร้อย ประกอบด้วย ชุดปราบจลาจล ชุดควบคุมฝูงชน ภูธรภาค 1 ทหาร ฝ่ายปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) รถควบคุมผู้ต้องหา และรถเครื่องขยายเสียง ก่อนเคลื่อนกำลังไปที่หน้าวัดพระธรรมกาย บริเวณประตู 1, 4, 5, 6, 7 เพื่อรอคำสั่งจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ภายหลังมีกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 100 นายไปตรึงกำลัง ทางวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะบริเวณประตู 4 มีความเคลื่อนไหวตอบโต้ด้วยการปิดไฟสะพานข้ามคลอง ขณะที่เจ้าหน้าที่นำโดรนขึ้นบินสำรวจบริเวณภายในวัด และสะพานข้ามคลองสาม แต่ถูกตอบโต้จากฝั่งพื้นที่ 196 ไร่ภายในวัดใช้เลเซอร์สีฟ้าส่องใส่ เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องลง เปลี่ยนวิธีส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นรถกระเช้าไปถ่ายภาพด้วยกล้องและมือถือแทน ส่วนที่ประตู 7 ทางเข้าหลักวัด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ตรึงกำลังอยู่ ขณะที่ทางวัดปิดประตูพร้อมนำแผงเหล็กกั้นไม่ให้รถผ่านเข้าออก
ต่อมาเวลา 07.30 น. พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยนายนิพนธ์ แก้วธรรม รองนายก อบต.คลองสาม และฝ่ายปกครอง เดินทางไปยังประตู 5 นำหนังสือเรื่องให้รื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่สาธารณะ แจ้งกับเจ้าหน้าที่วัด แต่เจ้าหน้าที่วัดกลับนำแผงเหล็กมาปิดกั้นพร้อมนำสแลนปิดทับ รวมทั้งนำเต็นท์ออกมากางขวางถนน ต่อมานายพัฐจักร เทพษร ทนายความประจำวัดพระธรรมกาย ออกมาเจรจากับเจ้าหน้าที่ อ้างว่านำเต็นท์มากางกันแดดให้คณะศิษย์ของวัดนั่งสวดมนต์ อย่างไรก็ตาม ทางวัดพร้อมรื้อสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ชี้จุดที่ชัดเจน เบื้องต้นมี 2 จุด คือ สแลนเขียวที่ขึงอยู่ด้านข้างประตู 5 และบริเวณโรงครัว
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์ให้ลูกศิษย์วัดเคลื่อนย้ายรถที่จอดอยู่บริเวณประตู 5 ติดกับริมคลองออก ป้องกันความเสียหาย ขณะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมายที่ทางวัดต่อเติมขึ้นมา ขณะเดียวกันในเต็นท์ข้างในประตู 5 และ 6 มีพระสงฆ์กว่า 100 รูป เริ่มนั่งสวดมนต์ พร้อมทั้งกระจายเสียงออกลำโพงจนได้ยินทั่วบริเวณ ท่ามกลางกลุ่มศิษยานุศิษย์กระจายตัวเฝ้าสังเกตการณ์โดยรอบ
จนกระทั่งเวลา 11.55 น. ที่บริเวณประตู 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน แบ่งกำลังเป็น 2 ชุด ชุดแรกไปหน้าประตู 5 อีกชุดไปยังด้านข้างประตู 5 ซึ่งวัดพระธรรมกายนำรั้วเหล็กมากั้นถนนบริเวณดังกล่าว แต่ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่หน้าประตู 5 พยายามจะยกแผงเหล็กกั้นถนนไปยังรั้วเหล็กด้านข้างประตู 5 กลุ่มศิษย์ได้รีบกรูเข้ามาขวาง เกิดการเผชิญหน้ากันพร้อมทั้งสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงหมายค้น และไม่ยอมให้เข้าไปในพื้นที่
ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องตัดสแลนและรั้วเหล็กที่สร้างขึ้นมากั้นถนนเป็นสิ่งกีดขวางตาม พ.ร.บ.จราจร การเข้าตัดสแลนและรั้วเหล็กด้วยการใช้แก๊สอาจเกิดประกายไฟและส่งผลกระทบยังลูกศิษย์ที่นั่งสวดมนต์อยู่ตรงจุดนั้น ขอความร่วมมือศิษย์ขยับให้ห่างจากพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการเพียง 4-5 คนเท่านั้น เมื่อดำเนินการเสร็จจะเดินทางกลับ ทั้งนี้ได้ประสานกับทางวัด และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้ ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เขมพัทธ์ยังได้ประสานกับนายอัยย์ เพชรทอง ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ประธานองค์กรพลังชาวพุทธ ซึ่งมาสังเกตการณ์การทำงานของตำรวจ ช่วยประกาศไปยังลูกศิษย์ โดยนายอัยย์กล่าวกับบรรดาลูกศิษย์ให้ออกห่างจากรั้ว อย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่ยืนยันจะไม่บุกเข้าไปในวัด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลารื้อรั้วเหล็กและสแลนข้างประตู 5 เสร็จสิ้นในเวลา 13.20 น. ก่อนถอนกำลังออก โดยคณะศิษย์วัดที่นั่งสวดมนต์ต่างพร้อม ใจปรบมือให้เจ้าหน้าที่ที่ทำตามสัญญา อย่างไรก็ตามเมื่อนำสแลนออกแล้ว พบกลุ่มศิษย์ที่นั่งสวดมนต์อยู่บริเวณประตู 5 บางคนใส่เสื้อกันฝน บางคนใส่เสื้อชูชีพมานั่งสวดมนต์ด้วยไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ อบต.คลองสาม นำหมายห้ามใช้สถานที่กว่า 30 แผ่น มาปิดบริเวณกำแพงวัดพระธรรมกาย ระหว่างประตู 1 และประตู 4 ถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม ส่วนบรรยากาศประตู 7 ฝั่ง ถนนบางขัน-หนองเสือ เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายเปิดประตู 1 ช่อง ให้ศิษยานุศิษย์เข้าออก ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจรถที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด หากไม่ใช่คณะศิษยานุศิษย์จะไม่อนุญาตให้เข้าไปในวัดอย่างเด็ดขาด
ด้านพระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วย ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า วัดยังไม่ได้รับหมายค้น เบื้องต้นตำรวจมาเจรจาให้นำรั้วที่กั้นระหว่างแนวเขตมูลนิธิธรรมกายกับเอกชน บริเวณประตู 5 ออก แต่ไม่ได้แสดงหมายเข้าค้นบริเวณวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ยังมีพระภิกษุและประชาชนยังสวดมนต์บำเพ็ญบุญอยู่ทั้งทางเข้าประตู 5 และประตู 6 อย่างสงบ
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การดำเนินการวันนี้ไม่ใช่การบุกค้น เป็นการดำเนินการเรื่องการกีดขวางทางสาธารณะ เมื่อมีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีโดยกรมธนารักษ์พื้นที่จังหวัดปทุมธานีเรื่องการปิดทาง เส้นทางนั้นเป็นเส้นทางสาธารณะ กฎหมายให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เบื้องต้นแจ้งความไว้ 2 จุด ดังนั้น เป็นเพียงการปฏิบัติเพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะ ไม่ถึงขั้นนำกำลังเข้าไปในวัด สั่งกำชับไว้ให้ดูแลประชาชนอย่างดี อย่าให้มีเหตุอะไร ส่วนวัดจะให้ความร่วมมือหรือไม่ อย่างไร ยังไม่ได้รับรายงาน การดำเนินการวันนี้ไม่เกี่ยวกับการกดดันให้พระธัมมชโยมอบตัว ส่วนการเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยต้องไปถาม ผบ.ตร. ตนเป็นผู้ปฏิบัติการตรวจค้นต้องรอ ผบ.ตร.อนุมัติ
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เรื่องวันนี้ไม่ใช่เรื่องทดสอบอะไร เป็นเรื่องพื้นที่สาธารณะที่ต้องให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่มากางเต็นท์ขวางถนน ส่วนเรื่องอาคาร สิ่งก่อสร้างภายในวัด ถ้ามีการร้องทุกข์ก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับจะรู้เอง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน การกระทำความผิดในประเด็นนี้ของทางวัดเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท พ.ร.บ.สงฆ์ว่าอย่าง พ.ร.บ.อาคารก็ว่าอย่าง ต้องไปดู พ.ร.บ.สงฆ์ ปี พ.ศ.2505 และ พ.ร.บ.อาคาร ปี พ.ศ.2479 กับ พ.ศ.2522 ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกบิลบ้านกบิลเมือง ไม่ได้คิดจะไปแกล้งใคร เป็นตำรวจมีหน้าที่รักษากติกาบ้านเมือง ส่วนประเด็นของพระวิเทศภาวนาจารย์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปรับทราบข้อกล่าวหาในฐานะนิติบุคคล ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. บก.ปทส.ได้ออกหมายเรียกพระธัมมชโย ในฐานะประธานมูลนิธิธรรมกาย กรรมการ และผู้รับมอบอำนาจ รวม 14 คน ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณีมูลนิธิธรรมกายบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติควนจุกเกาะยาวน้อย จ.พังงา สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซมุกตะวัน 3 แห่ง โดยให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 5 วัน หากไม่เข้าพบจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นหากไม่มาพบอีกจะมีการออกหมายจับต่อไป
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามสื่อมวลชนก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีเจ้าหน้าที่เข้าล้อมวัดพระธรรมกาย ว่าไม่มีคำสั่งพิเศษ มีกฎหมายอยู่แล้ว ก็ว่าไปตามกฎหมาย
ส่วนกรณี พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว จะรวบรวมรายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ได้ครบ 25 คน เพื่อเสนอแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ในหมวดที่ว่าด้วยการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช มาตรา 7 โดยจะเสนอให้ตัดรายละเอียดตรงที่ระบุว่า ให้เสนอสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ออกนั้น บ่ายวันเดียวกัน นพ.เจตน์ ศิรธรานท์ โฆษกวิป สนช. แถลงหลังประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาวาระการเข้าชื่อของสมาชิก สนช.84 คน เสนอแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับปี พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ในมาตรา 7 เรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช โดยขอแก้ไขให้ มาตรา 7 ใหม่ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยขอแก้และยกเลิกความในมาตรา 7 เดิม ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ที่ระบุว่าพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
เมื่อถามว่า แสดงว่าการแก้ไขดังกล่าว เป็นการตัดขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคมออกไปใช่หรือไม่ นพ.เจตน์กล่าวว่า หากดูตามถ้อยคำจะเป็นลักษณะนั้น คือตัดตอนของมหาเถรสมาคมออกไป แต่คงต้องดูการศึกษาของ กมธ. และ ครม.อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร แต่กมธ. ให้เหตุผลการเสนอแก้ไขดังกล่าวว่า ได้รับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องมาแล้วว่า เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่านมา และเพื่อกลับไปใช้ความเดิมตามโบราณราชประเพณี ที่เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.นี้จะเสนอเข้าที่ประชุมสนช. ในวันที่ 29 ธ.ค. จากการประสานงานไปยังรัฐบาล ครม.จะส่งนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณารับเรื่องไปศึกษาก่อนเข้าขั้นรับหลักการของ สนช. ซึ่งจะส่งเรื่องกลับมาให้ทาง สนช.เมื่อไหร่ อย่างไร ขึ้นอยู่ ครม. แต่คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ได้ภายหลังปีใหม่ ทั้งนี้ ที่ประชุมวิป สนช.ยังไม่ได้กำหนดจะพิจารณาอย่างไร แต่จะต้องทำโดยเร็ว
ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องนี้มีความผิดปกติอยู่มาก เพราะจากการพยายามปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาเรื่อยมาจนถึงการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายที่ดำเนินการในเรื่องนี้ล้วนมีจุดมุ่งหมายที่ตรงกันอย่างหนึ่ง คือ การแก้ที่มาของการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ขอถามในนามพระสงฆ์รูปหนึ่งว่า ทำไมคฤหัสถ์เหล่านี้เดือดร้อนอะไรกันมากมายขนาดนี้ต่อการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชของคณะสงฆ์ไทย ทำไมดิ้นรนกันเช่นนี้ การเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะเพื่อทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นแนวปฏิบัติตามโบราณราชประเพณี และการยอมรับกันในวงการคณะสงฆ์ ขณะนี้คณะสงฆ์ผู้ใช้กฎหมายฉบับนี้ยังไม่มีรูปไหนเดือดร้อน ทุกรูปอยู่อย่างปกติ คณะสงฆ์ก็ปกครองกันไป จะเข้ามาล้วงลูกกันเช่นนี้ จะเป็นการไม่ถวายเกียรติและจะไม่ให้ท่านปกครองกันเองได้บ้างหรือไร บอกได้เลยว่า ถ้า พล.ต.อ.พิชิต และสมาชิกบางท่านใน สนช. จะฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนเสนอแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ในเรื่องการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านจะต้องพบกับองค์กรพุทธและพระสงฆ์อีกจำนวนมากมายทั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่ายวันเดียวกันว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดา การแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับใดก็ตาม ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนเสนอกฎหมาย ขั้นตอนมีอยู่แล้ว ตนไม่ต้องไปสั่งใคร หรือใครต้องมาขออนุญาต ถือเป็นกลไกทางกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ดำเนินการ แต่ตนยังไม่รู้อะไรเลยในเรื่องนี้ ส่วนกรณีพระธัมมชโยที่จะสามารถดำเนินการได้ก่อนหรือหลังปีใหม่ ตนว่าไม่เห็นได้อะไรกับประเทศชาติ ตอนนี้คดีที่เกี่ยวข้องปาไป 200 กว่าคดีแล้วทำไมไม่ดูถึงความก้าวหน้ากันบ้าง อย่างกรณีที่รักษาการเจ้าอาวาสได้เข้ามามอบตัว และในหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เตรียมการและดำเนินการกันไปแล้ว คือถ้าสถานการณ์พร้อมเมื่อไหร่จะต้องดำเนินการตามหมายค้น หมายจับ ทำได้เมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่ต้องไปเร่งรัดอะไรกันนักหนา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมบอกแล้วว่าขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงปีใหม่ก่อนไม่ดีกว่าหรือ เข้าไปแล้วจะได้อะไร หรือไม่ได้อะไร จะดีหรือเสีย หรือจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทุกคนคาดการณ์ออกกันอยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไร แล้วเราจะเดินไปตามทางที่เขาวางขุดล่อไว้หรืออย่างไร เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องควบคุมสถานการณ์นี้ให้ได้ ทุกคนจะต้องอยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นพระ คน ต่างก็มีหน้าที่กันอยู่แล้ว กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายกันไปแล้ว คดีความต่างๆอยู่ระหว่างการนำสู่กระบวนการพิจารณา ฟ้องร้องดำเนินคดีไปทั้งหมดแล้วหลายร้อยคดี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมาย เป็นเรื่องของดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าถ้าเหตุการณ์จะส่อไปสู่ความวุ่นวายมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่อได้เวลาที่เหมาะสมก็ค่อยดำเนินการก็ไม่ได้สั่งว่าจะต้องเป็นเมื่อไหร่ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วสื่อต้องการจะให้เกิดขึ้นเร็วๆหรือไม่ ใครอยากไปเวลาเขาดำเนินการให้บอกมา เดี๋ยวจะจัดให้ไปด้วย ไปเป็นแนวหน้าด้วยกัน
แหล่งข่าว ไทยรัฐ |
ข่าวเด่นเมืองปทุม