เพจ facebook : รังสิตซิตี้ที่นี่ปทุมธานี

ล่าแท็กซี่สีชมพู-เสี่ยลืมทองรูปพรรณ13ล้าน ![]() ปทุมธานี * เสี่ยร้านทองเมืองอุบลฯ หอบทองรูปพรรณมูลค่า 13 ล้านบาท พาเมียเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปขอเปลี่ยนลายที่ร้านย่านเยาวราชปรากฏลงจากแท็กซี่กลับลืมกระเป๋าใส่ทองไว้ในรถ เพราะมัวประคองเมียที่ป่วย แจ้งตำรวจตามหาข้ามคืนยังไร้วี่แวว
เที่ยงวันที่ 15 มีนาคมนี้ นายเอกรัตน์ หรือเสี่ยเอก กนกวรรณาการ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210 ต.วาริน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เจ้าของร้านค้าทองเยาวราช ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อุบลราชธานี ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังจากเมื่อเย็นวันที่13 มี.ค. นายเอกรัตน์ได้ลืมกระเป๋าถือบรรจุทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 540 บาท มูลค่า 13 ล้านบาท ไว้ในรถแท็กซี่สีชมพู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เหตุเกิดที่หน้าร้านสมเกียรติเบ็ดเตล็ด ภายในตลาดสี่มุมเมือง ต.คูคต และเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วิเชียร ไตรโลกา สวส.สภ.คูคต เพื่อให้ติดตามคนขับขี่รถยนต์แท็กซี่มิเตอร์คันดังกล่าว
นายเอกรัตน์กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยนางสุรัตน์ กนกวรรณาการ อายุ 58 ปี ภรรยา ได้นำทองคำรูปพรรณ ประกอบไปด้วย สร้อย แหวน ต่างหู และกำไลข้อมือ น้ำหนักรวม 540 บาท มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท มาจากอุบลราชธานี เพื่อนำทองไปเปลี่ยนลายที่ร้านทองแห่งหนึ่งย่านเยาวราช โดยได้เรียกรถแท็กซี่สีชมพูจากแยกเอสเอบี ถนนวรจักร ให้ไปส่งที่ตลาดสดสี่มุมเมือง โดยที่ตนและภรรยาได้นำกระเป๋า 3 ใบ ประกอบด้วย กระเป๋าบรรจุเสื้อผ้า 2 ใบ ส่วนอีก 1 ใบ ซึ่งเป็นกระเป๋าเป้สีดำ บรรจุทองคำรูปพรรณวางไว้บริเวณเบาะหน้าคู่คนขับ โดยจำรูปพรรณคนขับขี่ได้ว่ารูปร่างท้วม ผิวดำแดง หัวเถิก อายุประมาณ 40 ปี
ต่อมารถแท็กซี่ได้ขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ไปถึงบริเวณตลาด 7 ตลาดสี่มุมเมือง หน้าร้านสมเกียรติเบ็ดเตล็ด ในเวลาประมาณ 18.00 น. จากนั้นนายเอกรัตน์ได้พยุงภรรยาซึ่งป่วยเดินไม่ค่อยไหวลงจากรถ พร้อมถือกระเป๋าอีก 2 ใบแบบพะรุงพะรังและจ่ายค่าโดยสาร จากนั้นคนขับรถแท็กซี่ได้ขับรถออกไป โดยที่นายเอกรัตน์ลืมหยิบกระเป๋าใส่ทองคำรูปพรรณออกมา กระทั่งเข้าไปในบ้านญาติแล้วจึงนึกขึ้นได้ รีบไปแจ้งความตำรวจ
ด้าน พ.ต.ท.อุดม สุขประเสริฐ สว.สส.สภ.คูคต เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและภายในพื้นที่ตลาดสี่มุมเมือง พบว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของรถแท็กซี่คันที่ผู้เสียหายนั่งมาไว้ได้ เป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส แต่ความละเอียดของกล้องไม่สามารถจับภาพแผ่นป้ายทะเบียนรถคันที่ผู้เสียหายนั่งมาไว้ได้
ขณะที่ พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ ภ.จว.ปทุมธานี ร่วมกับชุดสืบสวนของ สภ.คูคต นำผู้เสียหายไปตรวจสอบจุดที่ผู้เสียหายเดินขึ้นรถบริเวณแยกเอสเอบี ถนนวรจักร กทม. เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณนั้น พร้อมทั้งประสานไปตามผู้ประกอบการแท็กซี่รับจ้างอีกกว่า 20 บริษัท เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้เช่ารถในวันและเวลาเกิดเหตุหากพบว่าจงใจลักทรัพย์ ไม่ยอมนำทรัพย์สินของผู้เสียหายมาคืน จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งข่าว หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ |
ข่าวเด่นเมืองปทุม