เมื่อเวลา 22.30.น.วันที่ 6 มค.54ร.ต.อ.สมบูรณ์ ขอบโคกกรวด ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุพบศพพระสงฆ์ถูกยิงตายอยู่ริมถนนคู่ขนานทางด่วนสายมอเตอร์เวย์(ถนนกาญจณาภิเษกวงแหวนรอบตะวันออก)หมู่11ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีดี พงษ์เศรษฐ์สันต์ รอง.ผบก.หัวหน้าศูนย์พิสูจน์หลักฐานเขต 1.พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.ธีรพรรดิ์ บัณฑิโตหิรัญโชติ พ.ต.ท.วสิษฐ์ มะอักษร สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

      ที่เกิดเหตุพบศพพระมหามนัส แย้มมี อายุ35ปี เป็นพระลูกวัดตะวันเรือง หมู่11ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีสภาพศพนอนเสียชีวิตคว่ำหน้าสวมอังสะและนุ่งสบง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศรีษะ 2นัด ใบหน้า 1นัดหน้าท้อง1นัด ขาซ้าย2นัด จากการตรวจสอบรอบๆที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 4 ปลอก หัวกระสุนที่ยิงออกไปแล้ว 1 หัวจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

       ทางด้านนายประยุทธ แย้มมี อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 หมู่ที่ 5 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ตนเป็นบิดาของพระมนัส ที่เสียชีวิต พระมนัส ได้บวชมานานกว่า 11 พรรษา และได้จำพรรษาอยู่ที่วัดตะวันเรืองมาตลอด โดยศึกษาพระธรรมวินัยถึงขั้นเปรียญธรรม3 ประโยค อุปนิสัยทั่วไปไม่ใช่คนก้าวร้าว ไม่มีศัตรู กับใคร

      จากการสอบสวนพระสุพจน์ วงศ์จำปา อายุ 20ปี พระลูกวัดตะวันเรืองที่บวชอยู่ด้วยกันกับพระมหามนัสที่ถูกยิงตายได้ให้การว่าก่อนเกิดเหตุได้มีรถแท็กซี่สีชมพูขับเข้ามารับพระมหามนัสภายในวัดโดยพระมหามนัสได้ชักชวนพระสุพจน์ขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูออกมาจากวัดด้วยกันซึ่งพระมหามนัสอ้างว่าจะมาหาโยมพ่อในที่เกิดเหตุห่างจากวันประมาณ1กิโลเมตรกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุได้พบรถแท็กซี่สีชมพูอีกคันที่จอดรถรออยู่โดยมีชายวัยรุ่นและวัยกลางคนจำนวนหลายคนแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนมายืนรอริมถนนจากนั้นพระมหามนัสได้ลงจากรถเข้าไปในป่าเพื่อพูดคุยเจรจากระทั่งได้เกิดมีปากเสียงกันขึ้นพระมหามนัสได้ถูกคนร้ายจำได้ว่า1ในนั้นสวมหมวกไอ้โม่งยืนซุ่มถือปืนรออยู่และได้วิ่งไล่ยิงออกมาจากป่าทำให้พระมหามนัสถูกกระสุนปืนเข้าร่างกายหลายแห่ง ส่วนอาตมาได้วิ่งหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้เคียงจนปลอดภัยและชาวบ้านได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุตอนนี้ทางพระสุพจน์ยังให้การวกไปวนมาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการหักผลประโยชน์ธุรกิจมืดจะได้สอบสวนอย่างระเอียดต่อไป