นางสุวรรณา เอี่ยมพิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดม "เซียงเพียว" ยาหม่องน้ำ "เซียงเพียวอิ๊ว" และยาดม "เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์" เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ในย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งการสร้างโรงงานใหม่ดังกล่าวถือว่าล่าช้าจากแผนเดิมที่จะดำเนินการสร้างในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม จึงทำให้ต้องเลื่อนการก่อสร้างมาเป็นปี 2555 นี้

ทั้งนี้หลังจากโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2557 บริษัทจะทำการย้ายโรงงานผลิตสินค้าแห่งเดิมในย่านลาดพร้าวไปอยู่ที่โรงงานแห่งใหม่ทั้งหมด เนื่องจากโรงงานใหม่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มจากโรงงานเดิมถึง 10 เท่า ขณะที่โรงงานเดิมบริษัทจะปรับกำลังการผลิตเป็นยาแผนโบราณหรือไม่ก็เป็นคลังสินค้า

"ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2558 ประเทศเราจะไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะจะมีการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ดังนั้นเราจะต้องตื่นตัวในเรื่องของภาษาที่ 2 ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็ได้ให้พนักงานในบริษัทไปเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมรับมือกับเออีซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารกันในการติดต่อธุรกิจในอนาคต และให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้น"นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับแผนในการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดต่างประเทศในปี 2555 นั้น บริษัทจะยังคงเน้นไปที่ 12 ประเทศหลัก ที่บริษัทส่งออกอยู่แล้ว คือ กัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี โคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ ในขณะที่ประเทศใหม่หรือตลาดใหม่ๆ ที่จะเข้าไปทำตลาดนั้น บริษัทกำลังลุ้นในส่วนของประเทศจีน เนื่องจากการขออนุญาตินำสินค้าเข้าไปทำตลาดมีข้อจำกัด จึงทำให้การนำสินค้าเข้าไปทำตลาดทำได้ยาก อย่างไรก็ตามบริษัทได้ดำเนินการขอใบอนุญาติส่งสินค้าเข้าไปทำตลาดในจีนมาตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งกำลังรอคำตอบจากทางการจีน

ส่วนแผนการทำตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทได้เตรียมใช้งบประมาณ 70 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และทำกิจกรรมทางการตลาด พร้อมเปิดตัวโฆษณาชุดใหม่ "เซียงเพียว เวิลด์ ไวด์" เพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์สินค้าระดับสากล ล่าสุดบริษัทได้ดึง "เขตต์ ฐานทัพ" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ หลังจากรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2555 จะมีรายได้ 800 ล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2554 ที่มีรายได้ 650 ล้านบาท เติบโต 25% จากปี 2553 ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 40% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และหลังจากเปิดตลาดเออีซีแล้ว บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท

 

แหล่งข่าว หนังสือพิมพ์แนวหน้า