ผวจ.ปทุมฯ คาด 30 วัน สถานการณ์น้ำในจังหวัดจะดีขึ้น พร้อมเตรียมแผนฟื้นฟู เผยหมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก ยังป้องกันตัวเองได้ ขณะที่ประชาชนในจังหวัดกว่า 90% ไม่มีงานทำ ธุรกิจหยุดชะงัก ...

วันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำจาก จ.ปทุมธานี ว่า ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผ่านพื้นที่ จ.ปทุมธานี การสัญจรระหว่าง อ.เมือง สามโคก ลาดหลุมแก้ว ทั้ง 3 อำเภอ ที่เป็นชุมชน พาณิชยกรรม และชุมชนที่อยู่อาศัย หมู่บ้านจัดสรร ขณะนี้เปรียบเสมือนติดเกาะ ประชากรกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่มีงานทำไม่มีรายได้ ธุรกิจทุกชนิดหยุดชะงัก การเดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก ต้องลุยน้ำท่วมสูง ที่มีระดับท่วมขังสูงตั้งแต่ 1-2 เมตร แม้แต่ตามถนนหลวง โดยเฉพาะตามเส้นทางหลักระหว่างอำเภอ รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ต้องเดินทางโดยเรือรับจ้าง และต่อทางรถยนต์บรรทุกของเจ้าหน้าที่ทหาร และของการไฟฟ้า หรือที่ทางราชการพอที่จะหามาได้ ซึ่งมาคอยให้บริการแต่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นที่ต่างก็ต้องเดินทางมาทำงานบ้าง จับจ่ายซื้อข้าวของบ้าง

ส่วนสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็ต้องปรับเปลี่ยนไป จากที่เคยอาศัยอยู่ในอาคารบ้านพัก ก็ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ตามเกาะกลางถนน หรือตามสถานที่สูงน้ำยังท่วมไม่ถึง ตามศูนย์ช่วยเหลือฯ ศาลาวัด อาคารโรงเรียน แต่ก็ต้องรออาหารจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อประทังชีวิต แต่บางพื้นที่ที่ยังพอเดินเท้าได้ พ่อค้าแม่ค้าก็พยายามตั้งเต็นท์เป็นตลาดเล็กๆ เพื่อขายอาหารสด เนื้อหมู ผักต่างๆ

ขณะที่ถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองปทุมธานี เต็มไปด้วยน้ำ การสัญจรต้องอาศัยเรือหางยาว เรือพาย แพถ่อ หรืออุปกรณ์ที่พอจะหาได้ เพื่อช่วยในการลอยน้ำ บางเส้นทางที่รถขนาดใหญ่ยังวิ่งได้ ก็จะมีรถบรรทุกสูง หรือรถของทหารเข้ามาคอยรับส่ง

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนได้เตรียมแผนก่อนน้ำลดเพื่อฟื้นฟู โดยไม่เน้นการอพยพผู้คนไปอยู่ตามศูนย์อพยพ เนื่องจากชาวบ้านส่วนหนึ่ง ยังต้องการจะอยู่ที่บ้านของตนเอง จึงกำหนดกู้พื้นที่สำคัญๆ ของจังหวัด อาทิ ศาลากลางจังหวัด ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี เพื่อให้พี่น้องประชาชน ได้ขับเคลื่อนธุรกิจ และให้เกิดการฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งจะค่อยๆ ขยายวงออกไป เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำได้ทรงตัว และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงลดลงของระดับน้ำ ซึ่งคาดว่าภายใน 30 วันนับจากนี้ คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของระดับน้ำทะเลหนุนด้วย

ในส่วนของมวลน้ำที่มาตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทางจังหวัดได้มีการทำคันป้องกั้นน้ำไว้ตลอดเส้นทาง ขณะนี้มีเพียงหมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก อ.เมือง ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ 9 โครงการจำนวนกว่า 4,000 หลังคาเรือน ที่ยังสามารถป้องกันตัวเองได้ แต่ก็มีน้ำไหลเข้าบางจุด ทางเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนักศึกษา ประชาชน ต่างก็ร่วมมือกันเฝ้าระวังป้องกันอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้รับผลกระทบเรื่องน้ำท่วม เนื่องจากทางกรุงเทพมหานคร มาให้การสนับสนุนร่วมป้องกันแนวกั้นน้ำ มิให้ระดับน้ำจากภายนอกล้นทะลักเข้าคลองเปรมประชากร ซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำท่วมด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ซึ่งก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

ดังนั้น จังหวัดจึงอาศัยอำนาจจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2554 ลงวันที่ 20 ตุลาคม เรื่องกำหนดมาตรการแก้ปัญหาในพื้นที่ เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้บังคับใช้กฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดขัดขวางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่ จากสถานการณ์น้ำท่วมให้ยุติลงอย่างรวดเร็ว และในการระบายน้ำ รวมทั้งการบรรเทาความเดือดร้อน ด้วยการสั่งการใช้ทรัพยากร ระดมสรรพกำลังทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน การสงเคราะห์ฟื้นฟูเยียวยา ผู้เสียหาย ให้มีเอกภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

แหล่งข่าว http://www.thairath.co.th