เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 18 ตุลาคม 2553 นางสุรรพณี สามารถกิจ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี และคณะ ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 25/16 ม.8 ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อเข้าเยี่ยมเยียนและมอบเงินพร้อมทั้งสิ่งของช่วยเหลือ อีกทั้งตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของนางบุหลัน หีบหรุน อายุ 37 ปี และครอบครัวที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยากหนัก โดยเฉพาะการที่นางบุหลัน หีบหรุน เพิ่งได้คลอดลูกชายเป็นฝาแฝด 3 คน และยังมีลูกๆอยู่ก่อนแล้วเป็นหญิงจำนวน 3 คน ส่วนสามีก็แยกทางกันก่อนที่ลูกฝาแฝดทั้ง 3 คนจะคลอดออกมา ทำให้ครอบครัวกำลังได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก

      เมื่อคณะของนางสุพรรณี สามารถกิจ นายกเหล่ากาชาดเดินทางไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา พบนางบุหลัน หีบหรุน เจ้าของบ้านและลูกๆจำนวน 6 คนอยู่กันพร้อมหน้า ซึ่งเมื่อนางบุหลัน ทราบว่าคณะของนายกเหล่ากาชาดเดินทางมาช่วยเหลือถึงกับดีใจจนน้ำตาซึมออกมา พร้อมทั้งเปิดเผยว่า

      ก่อนหน้านี้ตนเองนั้นได้อยู่กินกับนายกิจติพงค์ หีบหรุน อายุ 42 ปี จนมีลูกสาวด้วยกันจำนวน 3 คน คนโตอายุ 19 ปี คนกลาง อายุ 15 ปี และคนเล็ก อายุ 7ปี โดยประกอบอาชีพค้าขายของเล็กๆน้อยๆ ตนเองนั้นก็ทำกับข้าวใส่ถุงตระเวนขายตามหมู่บ้าน ซึ่งก็มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวไปวันๆหนึ่ง ต่อมาตนได้ตั้งท้องขึ้นอีกครั้ง โดยพอตนตั้งท้องได้ราว 2 เดือน นายกิจติพงค์ ผู้เป็นสามีก็หายไป ไม่กลับบ้านและแยกทางกันในที่สุด ตนเองจึงต้องดูแลลูกๆทั้ง 3 คนที่อยู่ในวัยเรียนเพียงลำพังคนเดียวทั้งที่ตั้งท้อง

      ยิ่งมาใช่ช่วงหลังตอนใกล้คลอด ชีวิตครอบครัวยิ่งลำบากมาก ลูกๆต้องช่วยกันทำกับข้าวและไปตระเวนขายตามหมู่บ้านข้างเคียงมีรายได้เพียงประมาณวันละ 2-300 บาทเท่านั้น ซึ่งแค่ค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็แทบไม่พอแล้ว อีกทั้งลูกๆอยู่ในวัยเรียนทุกคน ตนเองนั้นไม่มีเงินส่งหนี้ธนาคาร ที่กู้เงินมาปลูกบ้านจำนวน 9-5 แสนบาท โดยปกติต้องส่งเดือนละหลายพันบาท แต่ไม่มีเงินส่งธนาคารมานานเกือบ 2ปีแล้ว

      นางบุหลัน กล่าวต่อว่า ต่อมาพอตนเองไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลราชวิถี ก็คลอดลูกออกมาเป็นฝาแฝด 3 คน ซึ่งทำให้ครอบครัวยิ่งลำบากมากขึ้นเพราะไม่มีใครมาส่งเสียดูแล อีกทั้งลูกฝาแฝดของตนนั้นก็ไม่ค่อยแข็งแรง ทางโรงพยาบาลต้องนำเข้าตู้อบเป็นเวลานานประมาณ 1 เดือน ช่วงนี้เองที่ตนเองต้องเดินทางไปมาที่โรงพยาบาลบ่อยๆลูกๆก็ไม่มีเงินไปโรงเรียน และบ้านที่นำที่ดินไปกู้เงินที่ธนาคารกรุงเทพ สาขานพวงศ์ ก็ไม่มีเงินส่งทำให้ทางธนาคารกำลังจะมายึดบ้าน ลูกสาวคนโตที่เพิ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก็ต้องลาออกเพราะไม่มีเงินเรียนต่อ ยิ่งมาคลอดลูกแฝด 3คนยิ่งทำให้มีภาระมากขึ้น จึงได้แจ้งให้ทางทางโรงพยาบาลราชวิถีทราบ ซึ่งทางโรงพยาบาลนั้นก็บอกว่าจะประสานงานมายังกาชาดจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในวันนี้ตนเองรู้สึกดีใจมาก ที่มีหน่วยงานต่างๆยื่นมือมาช่วยเหลือ ตอนนี้ตนเองสงสารลูกๆ ทั้งเรื่องการศึกษาและห่วงเรื่องบ้านที่กำลังจะถูกยึด จึงอยากขอความช่วยเหลือ

      ด้านนางสุพรรณี สามารถกิจ นายกเหล่ากาชาด กล่าวว่า ได้รับการประสานงานมาจากโรงพยาบาลราชวิถี จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนและนำสิ่งของเครื่องใช้ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภครวมและสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อนทั้งเงินจำนวนหนึ่งมาช่วยเหลือเป็นเบื้องต้น และจะได้ดูแลในเรื่องความเดือดร้อนอื่นๆ เช่นเรื่องทุนการศึกษาของเด็กๆ และเรื่องบ้านที่จะถูกยึดนั้น คงต้องหาทางแก้ไขต่อไป

      ทั้งนี้ทราบว่าทางองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าไม้ ได้แสดงความประสงค์จะช่วยเหลือโดยจะรับ นส.อฑิตญา ลูกสาวคนโตเข้าทำงาน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ช่วยเหลือครอบครัวนี้อีกทางหนึ่งด้วย