จากกรณีที่มีการร้องเรียน ว่าที่หอพักมีคนร้ายขับรถ จยย.มาจอดเมื่อเวลา 03.24 น.เช้าวันที่ 1 ก.ย.53 แล้วคนร้ายได้ทำทีเดินดูรถ จยย.ของผู้มาพักที่หอพัก และได้ขโมยหมวกกันน๊อกไปจำนวน 2 ใบ โดยมีภาพวงจรปิดบันทึกภาพไว้ชัดเจน และได้ปริ้นภาพออกมาจากเครื่องบันทึกภาพได้ให้ นางสาวอุษา ฉิมพลี อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของหมวกกันน๊อก และเป็นน้องนางทัศนีย์ โค้งนอก อายุ 32 ปี ผู้ดูแลหอพักนำไปแจ้งความกับ ร.ต.ท.อิสรภาพ แก้วชลคราม ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เมื่อวันที่ 1 ก.ย.53 โดยทางร้อยเวรได้แจ้งว่าให้ไปสืบหาชื่อคนร้ายมาให้แล้วจะขอให้ศาลออกหมายจับให้ ทำให้นางสาวอุษา ฉิมพลี นำเรื่องที่ร้อยเวรสั่งไปบอกนางทัศนีย์ โค้งนอก พี่สาวให้ช่วยหาชื่อคนร้าย ต่อมาได้มี รปภ.ที่ดูแลหอพักได้ไปขอตรวจสอบรายชื่อผู้ที่พักตามหอพักในย่านนี้พบว่านายสุรชาติ ทัศน์ประสิทธิ์ อายุ 32 ปี บ้านเดิมเลขที่ 42/16 ถ.ประชาอุทิศ ต.ขันธ์เงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นคนว่างงานและย้ายหอพักบ่อยครั้ง เมื่อนำภาพถ่ายจากบัตรประชาชนพบว่าเป็นคนเดียวกัน ทำให้นางทัศนีย์ โค้งนอก ได้โทรศัพท์ไปแจ้งกับร.ต.ท.อิสรภาพ แก้วชลคราม ร้อยเวรสอบสวน แต่ได้รับคำตอบว่าแล้วจะให้ผมทำอะไรทำให้นางทัศนีย์ โค้งนอก ถึงกับอึงไปเลย เมื่อถูกขโมยมาขโมยหมวกภาพจับได้เป็นหลักฐานนำไปให้ตำรวจกับบอกว่าให้หาชื่อคนร้ายให้เมื่อหาได้กับบอกเราว่าจะให้เข้าทำอย่างไรนี่หรือตำรวจที่จะให้ประชาชนพึ่งได้และคดีก็ไม่คืบหน้าเลย ตามที่มีข่าวไปแล้วนั้น

      ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 กันยายน 2553 พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ,พ.ต.ท.เศกสรรค์ บัวเรือง พงส.,พ.ต.ท.ฐานันท์ ทิมวัฒน์ สวป.สภ.คลองหลวง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง เข้าจับกุมตัวนายสุรชาติ หรือเก่ง ทัศน์ประสิทธิ์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/16 ถนนประชาอุทิศ ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 429/2552 ลงวันที่ 8 กันยายน 2553 ในข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยสามารถจับกุมได้ที่ห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ ห้องหมายเลข 12 ซอยคลองหลวง 5 หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

      นายสุรชาติ หรือเก่ง ทัศน์ประสิทธิ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนเองตกงานและไม่มีซื้อข้าวกิน เมื่อเดินไปเห็นหมวกกันน๊อคคล้องไว้ที่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ของหอพักดังกล่าว จึงได้เดินไปหยิบแล้วขึ้นรถขับออกไป โดยไม่มีคนเห็น เนื่องจากขณะนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่รปภ.อยู่ จากนั้นได้นำไปขายให้กับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ในราคาใบละ 200 บาท กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ส่วนสิ่งของที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบที่ห้องพัก เป็นของที่ขโมยมาจากห้องเก็บของแห่งหนึ่งด้านหลังเซียร์รังสิต แต่ตนเองไม่มีที่นำไปปล่อยจึงได้เก็บไว้ในห้อง

      ด้าน พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า ได้รับเรื่องกรณีคดีดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายและได้เรียกสอบสวน ร.ต.ท.อิสรภาพ แก้วชลคราม ร้อยเวรสอบสวน เจ้าของคดีและได้สอบสวนผู้เสียหายแล้ว ทราบว่าเป็นการสื่อสารทางโทรศัพท์แล้วเกิดความเข้าใจผิดกัน เนื่องจากทางด้าน ร.ต.ท.อิสรภาพ แก้วชลคราม ร้อยเวรสอบสวน แจ้งกับทางผู้เสียหายว่า หากทราบว่าเป็นใครหรือทราบเบาะแสขอให้แจ้งกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำข้อมูลมาประกอบกัน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหามีคดีตามหมายจับก่อนหน้านี้อีก 1 คดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามจับกุมตัวอยู่ กระทั่งมาลงมือก่อเหตุขโมยหมวกกันน๊อคอีก อย่างไรก็ตามจะได้นำตัวส่งศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป