ช่างกลนับ10 ขับ จยย ยิงคู่อริบนรถเมล์ คนขับต้องตัดสินใจเร่งเครื่องฝ่าไฟแดง ขับหนีเข้า รพ

          เมื่อเวลา 19.40 น.วันที่ 30 ส.ค. 53 ร.ต.ท.สมคิด ดวงมาลัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุกลุ่มนักเรียนขับรถรถจักรยานยนต์ไล่ยิงนักเรียนคู่อริบนรถเมล์ประจำทางสาย 538 วิ่งระหว่างอนุสาวรีย์ชัยฯ-ราชมงคล(คลองหก) ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและรถเมล์เสียหาย ขณะนี้รถเมล์และผู้โดยสารได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลธัญบุรี ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบช่วยเหลือด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมทั้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย เดชะรัฐ ผกก.สภ.ธัญบุรี พ.ต.ท.นิรุท เมตตา และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง

       เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงโรงพยาบาลธัญบุรี พบรถเมล์ประจำทางสาย 538 -25 สีเหลือง หมายเลขทะเบียน 08101 กทม. วิ่งระหว่างอนุสาวรียชัยฯ-ราชมงคล(คลองหก) จอดอยู่ภายในรั้วของโรงพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ รปภ.ของโรงพยาบาลได้ทำการผิดประตูทางเข้าออกไว้ ส่วนผู้โดยสารที่มากับรถเมล์คันดังกล่าวราว 20 คนยังคงอยู่ด้านในของโรงพยาบาลในสภาพอกสั่นขวัญแขวน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บแพทย์ได้ทำการรักษาเยี่ยวยา ทราบชื่อต่อมาคือศิริเดช ขำไพโรจน์ อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนเทคนิคดอนเมือง ชั้น ปวช.2 แผนกช่างยนต์ ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก แพทย์เย็บ 3 เข็ม ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆปลอดภัยทั้งหมด

       นายธงชัย เจอมณีสุวรรณ อายุ 48 ปี คนขับรถเมล์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ขับรถรับผู้โดยสารมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้ามายังราชมงคลคลองหก ซึ่งระหว่างทางนั้นได้มีผู้โดยสารขึ้นมาบนรถเต็มคัน จากนั้นก็ได้แวะเข้าไปเติมเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมันย่านคลองสอง ถนนรังสิต – นครนายก ขณะที่เติมเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ก็มีรถเมล์ประจำทางสายเดียวกัน วิ่งเข้ามาเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอีกคัน และมีนักเรียนช่างกล 2คน ที่เป็นผู้โดยสารมากับรถคันดังกล่าวขอเปลี่ยนรถมาขึ้นรถของตนเองซึ่งตนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร

       พอรถขับออกจากปั๊มน้ำมัน และวิ่งมาตามถนนมาถึงบริเวณระหว่างคลองสามกับคลองสี่ นั้น ตนเองก็มองกระจกหลังเห็นมีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาจำนวนเกือบ 10 คัน โดยแต่ละคันมีทั้งซ้อนสองและซ้อนสาม จากนั้นกลุ่มรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ก็ขับแซงขึ้นมาประกบทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของรถ และคนที่นั่งก็ใช้ก้อนหินขว้างปาเข้ามาในรถ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด ตนเองและกระเป๋ารถจึงได้ร้องตะโกนให้ผู้โดยสารทั้งหมดที่อยู่บนรถหมอบลงกับพื้นเพื่อความปลอดภัย

       นายธงชัย กล่าวต่อว่า จากนั้น กลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ก็ขับขึ้นมาประกบทางด้านขวาของตนพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนจ่อมาที่ตนและตะโกนบอกให้ตนเองจอดรถเข้าข้างทาง ซึ่งตนเองเห็นว่าถ้าขืนจอดรถผู้โดยสารโดยเฉพาะนักเรียนช่างกล สองคนที่ขึ้นมาบนรถคงต้องได้รับอันตรายอย่างแน่นอน ตนเองจึงได้เร่งเครื่องหนี แต่กลุ่มวัยรุ่นยังคงขับขี่รถตามมาติดๆ ตนเองจึงได้ตัดสินใจขับรถฝ่าไฟแดงบริเวณแยกไฟแดงหน้าโรงพยาบาลธัญบุรี และขับรถพุ่งตรงเข้าไปในโรงพยาบาลทันที พร้อมทั้งตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ รปภ.ให้รีบปิดประตูโรงพยาบาลและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งเมื่อกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเห็นว่าเข้ามาในโรงพยาบาลไม่ได้แล้วจึงได้พากันขับรถหลบหนีไป ซึ่งจากการตรวจสอบความเสียหายของรถพบว่าถูกปาด้วยก้อนหินจนกระจกหน้าต่างแตกช่วงกลางๆ รถทั้งด้านซ้ายและขวาข้างละ 1 บาน เดชะบุญที่ไม่มีผู้โดยสารคนใดได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต

       ด้านนายศิริเดช ขำไพโรจน์ อายุ 17 ปี นักเรียนเทคนิคดอนเมือง ชั้น ปวช.2 แผนกช่างยนต์ และเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก กล่าวว่า ตนเองได้ขึ้นรถมากับรุ่นพี่คือนายอรรถพล ทองวิชิต ชั้น ปวช.3 ช่างกลโรงงาน ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้นตนเองจำได้ว่ากลุ่มนักเรียนทั้งหมดนั้นเป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี และผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่ามีโอ สีแดง ที่เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนั้นชื่อนายก๊อต ซึ่งเคยมีเรื่องกับกลุ่มของตนเอง

       ความคืบหน้าวันนี้(31สค.53) เวลา 16.30 น. ร.ต.ท.สมคิด ดวงมาลัย ร้อยเวรสอบสวน สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าของคดี ได้เชิญตัวนายศิริเดช ขำไพโรจน์ อายุ 17 ปี นักเรียนโรงเรียนเทคนิคดอนเมือง ชั้น ปวช.2 แผนกช่างยนต์ และนายอรรถพล ทองวิชิต ชั้น ปวช.3 แผนกช่างกลโรงงาน พร้อมเพื่อนๆอีก 2 คนมาสอบปากคำเพิ่มเติม

       นายศิริเดช ขำไพโรจน์ อายุ 17 ปี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ตนเองอยู่บนรถเมล์และสามารถมองเห็นได้ว่าผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาในรถนั้นคือนายก็อต ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุลจริง เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ที่จำได้นั้นเพราะเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อน

       ด้านนายเอ.(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.1 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มนักเรียนช่างกล หรือวิทยาลัยเทคนิคเทคโนต่างๆนั้น มักจะนิยมเล่นไฮไฟว์ กันมาก และที่สำคัญคือการโพสข้อความข่มกันไปมา โดยบ้างคนนั้นอ้างว่าตนเองได้ไปก่อเหตุยิง หรือฟัน นักเรียนจากสถาบันคู่อริ บริเวณนั้นบริเวณนี้ อันเป็นการอวดศักดา บางคนก็ถ่ายรูปโชว์ บางคนก็ปิดหน้าและหรือบางคนนั้นก็ถ่ายรูปโชว์ตอนถือปืนหรือถือมีด และมีการท้าทายกันในไฮไฟว์อีกด้วย และนายก๊อต นักเรียนที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุในครั้งนี้ก็เคยโฟสในไฮไฟว์ ว่าไปก่อเหตุตรงไหนบ้าง แต่ตอนนี้ทราบว่าไฮไฟว์ของพวกเขานั้นไม่สามารถเข้าไปดูไม่ได้แล้ว คงเข้าดูได้เฉพาะในกลุ่มชองพวกเขาเท่านั้น

       ร.ต.ท.สมคิด ดวงมาลัย กล่าวว่าในขณะนี้ได้สอบปากคำพยานจนคดีคืบหน้าไปมากแล้วแต่คงต้องรอการสอบสวนผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้งเพราะผู้เสียหายนั้นเป็นเยาวชนจึงต้องสอบปากคำต่อหน้าพนักงานอัยการ ทนายความ และนักสังคมสงเคราะห์ตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้นั้นจากพยานแวดล้อมต่างๆนั้นทำให้เราพอรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้วแต่คงต้องรอกระบวนการสอบสวนอีกอีกหน่อยจึงจะสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้

       ด้านนางสมใจ(นามสมมุติ) กระเป๋ารถเมล์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ทำงานกันลำบากมากทั้งคนขับและกระเป๋ารถ เพราะกลุ่มนักเรียนนักเลงพวกนี้เจอกันไม่ได้เลย จ้องแต่จะยิงจะฟันกัน บางครั้งขับรถมาถึงป้ายรถเมล์แล้วมีกลุ่มนักเรียนยืนรอกันเป็นจำนวนมาก ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนรถบางคนถึงกับตะโกนบอกคนขับว่าอย่าจอดรับ เพราะเขากลัว แต่เราไม่จอดก็ไม่ได้ เพราะมีผู้โดยสารคนอื่นๆที่รอขึ้นอยู่ด้วย พอจอดรับแล้วก็ต้องรับนักเรียนพวกนี้ขึ้นมาด้วยและก็มีเหตุบ่อยครั้ง

       เคยมีที่ว่าคนขับรถเมล์ไม่จอดรับ หรือเวลามีเรื่องไล่ยิงกันแล้วคนขับรถเมล์ขับรถพาหนีเพื่อช่วยเหลือ ก็จะถูกกลุ่มนักเรียนพวกนี้จำหน้าไว้และจะคอยตามทำร้าย ทำให้ขณะนี้มีคนขับรถเมล์และกระเป๋ารถ รวม 6 คนต้องหยุดขับรถไปชั่วคราว เพราะถูกกลุ่มนักเรียนพวกนี้ไล่ล่าโทษฐานที่ช่วยเหลือคนที่เขาจะไล่ฆ่าไล่ฟัน