จากกรณีที่มีผู้พบศพนายบุญฤทธิ์ ผ่องธูป อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/145 ม.6 หมู่บ้านชัยพฤกษ์-บุศรินทร์ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกคนร้ายใช้ของมีดแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก และเชือดคอจำนวนหลายแผล เสียชีวิตคาห้องนอนภายในบ้านพักของตนเอง ในเบื้องต้นนั้นพบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 กค.2553 ที่ผ่านมา ในเขตพื้นที่ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามข่าวที่เคยเสนอไปแล้วนั้น

       ความคืบหน้าวันนี้(21 กค.53) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พ.ต.ท.พีรศักดิ์ รอดบน รอง.ผกก.ป. พ.ต.ต.อุดม สุขประเสริญ สว.สส.และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง นำหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 670/2553 ลงวันที่ 21 กค.53 เข้าจับกุมตัวนายชยพล หรือแคน ทาสี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/5 ม.12 ต.บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่านายบุญฤทธิ์ ผ่องธูป โดยสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ ขณะเดินอยู่หน้าร้านไมตี้อินเตอร์เน็ต ซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมทอง เขตจตุจักร กทม.ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงควบคุมตัวมาสอบสวน

       นายชยพล ทาสี กล่าวว่า ตนเองนั้นได้รู้จักกับนายบุญฤทธิ์ ผ่องธูป ผู้ตายมานานประมาณ 1 เดือน โดยรู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตโดยผู้ตายนั้นเคยมารับตนเองที่บ้านพักย่านลาดพร้าว แล้วพามาหลับนอนกันที่บ้านของผู้ตายซึ่งก็คือบ้านที่เกิดเหตุ โดยตนเองจะได้ค่าตัวจากการหลับนอนกับผู้ตายครั้งละ 1500 บาท และเมื่อวันที่วันที่ 5 กค. เวลาประมาณ 23.00 น. ผู้ตายได้ติดต่อกับตนเองอีกครั้งเพื่อขอซื้อบริการทางเพศกับตนเองอีกครั้ง ตนเองจึงเดินทางมาหาผู้ตายที่บ้านอีกครั้ง จากนั้นผู้ตายก็พาตนเองเข้าไปนั่งดูการแข่งขันฟุตบอลโลกภายในบ้านได้สักครู่ ผู้ตายก็ชวนตนเองขึ้นไปหลับนอนกันที่ห้องนอนของผู้ตาย แต่ครั้งนี้ตนเองไม่ยอมร่วมหลับนอนด้วย เพราะครั้งที่ผ่านมาผู้ตายยังไม่ยอมให้เงินค่าตัวของตนเองจำนวน 1500 บาท จากนั้นตนเองก็ทวงเงินที่ค้างอยู่กับผู้ตาย แต่เขาไม่ยอมให้และยังไปปิดล๊อคกุญแจบ้านไม่ยอมให้ตนเองออกไปจากบ้านและจะขอหลับนอนกับตนเองอีกครั้ง

       ซึ่งเมื่อผู้ตายล๊อคกุญแจบ้านแล้วก็ขึ้นไปนอนรอตนเองที่ห้องนอน ตนพยายามพูดจาขอให้เปิดบ้านแต่เขาก็ยังไม่ยอมเปิดให้ ตนเองจึงได้มาหยิบมีดปลอกผลไม้ไปขู่ให้ผู้ตายลงมาเปิดบ้านให้ แต่ผู้ตายกลับไม่ยอมและเกิดต่อสู้กันตนจึงใช้มีดแทงผู้ตายไปจำนวนหลายครั้ง และปาดคอผู้ตายเพื่อให้แน่ใจว่าตายแล้วจริงๆ จากนั้นก็ได้หยิบเอาทรัพย์สินของผู้ตายไปด้วยคือโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โดยหลังหลบหนีออกมาจากบ้านของผู้ตายแล้ว ตนเองได้นำทรัพย์สินของผู้ตายที่ได้มาไปขายนำเงินมาใช้จ่าย จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

       ภายหลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมทั้งนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังบ้านที่เกิดเหตุ โดยมีกลุ่มญาติๆของผู้ตายต่างพากันมายืนดูการทำแผนและตะโกนสาปแช่งและจะเข้าทำร้ายร่างกายของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันอย่างเต็มที่จนสามารถทำแผนได้และนำตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีต่อไป