เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.53 นายนคร พุทธนุกูลชัย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/654 หมู่ 9 แขวง-เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ พร้อมด้วยลูกชายและญาติ เข้าพบนางปวีณา หงสกุล “ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” (องค์กรสาธารณประโยชน์) ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี 84/14 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าต่อสายไฟสลับเส้นทำให้ไฟรั่วดูดนางยุพเรศ ตั้งมั่นอารมณ์ อายุ 48 ปี ภรรยาตายคาอ่างอาบน้ำ และแพทย์ได้ระบุสาเหตุการตาย “สันนิษฐานว่าถูกกระแสไฟฟ้าช็อต”

       นายนครฯ สามีผู้ตายกล่าวว่า การต่อไฟฟ้าสลับสายกันมีผลทำให้มิเตอร์หมุนถอยหลัง หน่วยไฟฟ้า ที่ปรากฏในมิเตอร์คลาดเคลื่อนเกินความเป็นจริงเหมือนมีคนขโมยใช้ไฟฟ้า และยังทำให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว มีผลต่อการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นจะถูกไฟดูด ถึงแม้ว่าจะมีการต่อสายลงดินแล้วก็ตามกระแสไฟฟ้าที่รั่วก็จะวิ่งลงดินและดูดผู้ที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นด้วย คนที่ถูกไฟดูดส่วนใหญ่จะเสียชีวิต หลังจากเกิดเหตุตนพยายามติดต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทางครอบครัวจึงตัดสินใจเดินทางมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ นายนครฯ กล่าวอีกว่า ตนและภรรยามีบ้าน 2 หลัง บ้านหลังแรก เลขที่ 141/654 หมู่ 9 แขวง-เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ (บ้านที่เกิดเหตุ) และ บ้านหลังที่ 2 เลขที่ 71 หมู่ 8 ต.ศรีถ้อย อ.แม่ใจ จ.พะเยา ครอบครัวของตนอาศัยอยู่ประจำที่บ้านในกรุงเทพฯ และเดินทางไปอยู่บ้านที่ จ.พะเยา บ้างเป็นครั้งคราว

      เมื่อเดือนมกราคม 2553 ซึ่งเป็นช่วงปีใหม่ ตนและภรรยาได้พาลูกไปอยู่ที่บ้าน จ.พะเยา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2553 ภรรยาได้พาลูกสาวคนเล็ก อายุ 4 ขวบ เดินทางกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ โดยเดินทางถึงบ้านวันที่ 14 พ.ค. 2553 เวลาประมาณ 06.00 น. แต่ปรากฏว่าไฟฟ้าถูกตัดเพราะไม่ได้จ่ายค่าไฟฟ้าในระหว่างที่ไป จ.พะเยา ภรรยาจึงได้ไปจ่ายค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้านครหลวงเขตราษฎร์บูรณะ ในวันที่ 14 พ.ค. 2553 เวลา 07.53 น.

      ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงเขตราษฎร์บูรณะ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าพร้อมดำเนินการต่อสายไฟฟ้าให้กระแสไฟฟ้าเข้าไปภายในบ้านในวันที่ 15 พ.ค. 2553 ต่อมาในวันที่ 15 พ.ค.53 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านว่าเห็นลูกสาวตน อายุ 4 ปี นุ่งผ้าขนหนูวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านคนเดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว และลูกสาวยังได้บอกกับเพื่อนว่าแม่ล้ม ตนจึงขอให้เพื่อนบ้านคนดังกล่าวขึ้นไปดูภายในบ้าน แต่เพื่อนบ้านไม่กล้าเข้าไป ตนจึงบอกให้เพื่อนบ้านพาลูกสาวตนขึ้นไปด้วย ปรากฏว่าพบภรรยาของตนนอนเกร็ง ตัวแข็ง อยู่ในห้องน้ำ ตนจึงขอให้เพื่อนบ้านไปตามญาติที่อยู่บ้านหลังใกล้เคียงกันนำภรรยาตนส่งโรงพยาบาลบางปะกอก แต่แพทย์แจ้งว่าภรรยาตนได้เสียชีวิตมาแล้ว 6-7 ชั่วโมง ตนจึงขอให้ญาตินำศพส่งตรวจชันสูตรที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ส่วนตนและลูกชายก็รีบเดินทางมากรุงเทพฯ ทันที วันที่ 16 พ.ค.53 ตนและลูกชายเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ก็ได้ไปติดต่อขอรับศพภรรยาไปตั้งบำเพ็ญกุศล ตนได้สังเกตเห็นรอยไหม้ที่ผ่ามือของภรรยาจึงได้ถ่ายภาพไว้ และสอบถามสาเหตุการตายจากแพทย์ ซึ่งแพทย์ได้ระบุสาเหตุการตายว่า สันนิษฐานว่าถูกกระแสไฟฟ้าช็อต ตนจึงได้โทรศัพท์ไปติดต่อ

      การไฟฟ้านครหลวงเขตราษฎร์บูรณะ ทางการไฟฟ้าได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเช็คพบว่าภายในบ้านมีกระแสรั่วทั่วทั้งบริเวณบ้าน(ปรากฏตามภาพถ่าย) เจ้าหน้าที่จึงรีบทำการตัดสายไฟฟ้าหลักที่ส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปในหม้อไฟ ต่อมาวันที่ 31 พ.ค. 2553 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ทนาย และเจ้าหน้าที่วิศวกรการไฟฟ้า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ประมาณ 20 กว่าคน ได้ไปตรวจสอบภายในบริเวณบ้าน สรุปได้ว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าต่อสายไฟฟ้าสลับเส้นกัน

       ในวันนี้ (วันศุกร์ 11 มิ.ย. 2553) นางปวีณา หงสกุล ประธาน “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” (องค์กรสาธารณประโยชน์) จะประสานกับผู้อำนวยการไฟฟ้านครหลวง เขตราษฎร์บูรณะ เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นกรณีตัวอย่างนี้ที่สำคัญอย่างยิ่ง หากผลการชันสูตรและตรวจสอบเป็นการต่อสายไฟสลับเส้นจริง ถือว่าเป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่และเป็นอันตรายมาก หากเจ้าหน้าที่ไม่รอบคอบ การไฟฟ้านครหลวงเขตราษฎร์บูรณะจะต้องรับผิดชอบ โดยนายนครฯ ได้เดินทางไปแจ้งความไว้กับ สน.ราษฎร์บูรณะ แล้ว ทางมูลนิธิปวีณาฯจะติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.